MongoDB เป็นระบบฐานข้อมูลแบบ NoSQL ที่เหมาะสำหรับใช้ในรูปแบบการทำงานที่ต้องการการจัดเก็บข้อมูลที่มีโครงสร้างหรือรูปแบบที่ไม่แน่นอน หรือข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ซึ่งทำให้มีความยืดหยุ่นในการจัดเก็บข้อมูลมากขึ้น
MongoDB เหมาะกับการใช้งานด้านต่อไปนี้:
- แอปพลิเคชันเว็บ: MongoDB เหมาะสำหรับการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันที่มีการจัดเก็บข้อมูลที่มีโครงสร้างไม่แน่นอนหรือมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ซึ่งเป็นลักษณะที่พบบ่อยในแอปพลิเคชันเว็บที่มีการส่งผลกระทบต่อโครงสร้างข้อมูล.
- การวิเคราะห์ข้อมูล: MongoDB เหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่มีการวิเคราะห์และประมวลผลทางสถิติหรือวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เนื่องจากมีการเก็บข้อมูลในรูปแบบที่ให้ความยืดหยุ่น.
- แอปพลิเคชันที่มีการเข้าถึงข้อมูลโดยพร้อมกันจำนวนมาก: MongoDB มีความสามารถในการจัดการการเข้าถึงข้อมูลพร้อมกันจำนวนมาก ซึ่งเหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่มีผู้ใช้จำนวนมากที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลในเวลาเดียวกัน.
- การทำการแบ่งปันและการจัดระเบียบข้อมูล: MongoDB มีความสามารถในการทำการแบ่งปันข้อมูลและการจัดระเบียบในระดับตารางหรือคอลเลคชัน.
- IoT (Internet of Things): เนื่องจาก MongoDB มีการเก็บข้อมูลในรูปแบบที่เหมาะสำหรับข้อมูลที่มีโครงสร้างไม่แน่นอน และมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลบ่อย จึงเหมาะสำหรับการใช้กับอุปกรณ์ IoT.
- การจัดเก็บข้อมูลแบบหลายมิติ (Multidimensional Data): MongoDB เหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่มีลักษณะที่ไม่สามารถแทนที่ด้วยโครงสร้างตารางเดียวได้ เช่น ข้อมูลที่มีลักษณะทางภูมิศาสตร์.
- การทำ Real-time Analytics: MongoDB มีความสามารถในการจัดการข้อมูลในเวลาเป็นจริง (real-time) ซึ่งเหมาะสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Real-time.
- การพัฒนาแอปพลิเคชัน Mobile: MongoDB สามารถให้บริการในรูปแบบที่เหมาะสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ.
นอกจากนี้ยังมีการใช้ MongoDB ในงานอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า (Customer Data), การจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับบทความบล็อก (Blogging Platforms), การจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรการศึกษา (Educational Courses) และอื่นๆ อีกมากมาย.